Skip to main content

แนะนำหัวข้อ

c++-basic-divide-conquer สามารถดู video ของหัวข้อนี้ก่อนได้ ดู video

Divide and conquer คืออะไร

Divide and conquer (ชื่อไทย แบ่งแยกและเอาชนะ) เป็นกลยุทธ์การออกแบบ algorithm ในวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยมีหลักการดังนี้

  • [divide] แบ่งปัญหาใหญ่ออกเป็นปัญหาย่อยที่มีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายกัน 2 ปัญหาหรือมากกว่า จนกระทั่งปัญหาย่อยเหล่านั้นมีขนาดเล็กพอที่จะแก้ไขได้โดยตรง
  • [conquer] แก้ปัญหาย่อยแต่ละปัญหาแยกกัน โดยใช้วิธีการเรียกตัวเองซ้ำ (recursion)
  • [combine] รวมคำตอบของปัญหาย่อยเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้คำตอบของปัญหาใหญ่เดิมที่เราจะแก้ปัญหาออดมา algorithm แบบ divide and conquer ถูกใช้เป็นพื้นฐานของ algorithm ที่มีประสิทธิภาพสำหรับปัญหาหลายประเภท เช่น
  • การเรียงลำดับข้อมูล เช่น quicksort, merge sort
  • การคูณเลขจำนวนใหญ่ เช่น Karatsuba algorithm
  • การวิเคราะห์ไวยากรณ์ เช่น top-down parsers
  • การคำนวณ discrete Fourier transform (FFT) การออกแบบ algorithm แบบ divide and conquer ที่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก มักจำเป็นต้องนิยามปัญหาใหม่ให้กว้างขึ้นเพื่อให้สามารถแก้ด้วยวิธีเรียกซ้ำได้ โดยความถูกต้องของ algorithm มักพิสูจน์ได้ด้วยการพิสูจน์แบบอุปนัย (คล้ายๆกับตอนที่เราเล่าเรื่อง binary search) และค่า complexity มักหาได้โดยการแก้สมการแบบอุปนัยเช่นกัน

ประโยชน์ของการใช้ divide and conquer

ข้อดีของการใช้ algorithm แบบ divide and conquer มีดังนี้

  1. มีประสิทธิภาพ divide and conquer มักมี complexity เป็น O(n log n) ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า algorithm อื่นๆสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่
  2. ใช้หน่วยความจำ cache ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแก้ปัญหาย่อยขนาดเล็กภายในหน่วยความจำแคช แทนที่จะเข้าถึงหน่วยความจำหลักที่ช้ากว่า ทำให้ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก
  3. เหมาะสำหรับระบบประมวลผลแบบขนาน (parallel processing) เพราะสามารถแก้ปัญหาย่อยแต่ละส่วนแยกกันได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยน code
  4. ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เมื่อเทียบกับ algorithm ที่ซับซ้อนกว่า
  5. เหมาะสำหรับปัญหาที่ “ไม่จำเป็นต้องแก้ซ้ำหลายครั้ง” เพราะไม่ต้องเก็บผลลัพธ์ย่อยไว้ใช้ในอนาคตเหมือนวิธี dynamic programming

Use Case ทั่วไปที่ใช้ divide and conquer

application และโปรแกรมหลายประเภทใช้เทคนิค Divide and Conquer เพื่อแก้ปัญหา ตัวอย่างเช่น:

  1. ระบบฐานข้อมูล
  • ใช้ Merge Sort เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาและดึงข้อมูล
  • สามารถจัดการกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บอยู่ในหน่วยความจำภายนอก เช่น ฮาร์ดไดรฟ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  1. โปรแกรมค้นหา (Search Engines)
  • ใช้ Divide and Conquer เพื่อเรียงลำดับและจัดระเบียบข้อมูล ทำให้แสดงผลการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว
  • ช่วยให้ค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  1. การประมวลผลกราฟิก
  • ใช้ในการเรนเดอร์ภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเรียงลำดับองค์ประกอบกราฟิก
  • ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการดึงข้อมูลเนื้อหามัลติมีเดีย เช่น รูปภาพและวิดีโอ
  1. การประมวลผลแบบขนาน (Parallel Processing)
  • Divide and Conquer ช่วยให้สามารถแบ่งงานเป็นส่วนย่อยและประมวลผลแบบขนานได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบที่มีหลายคอร์

โดยสรุป Divide and Conquer เป็นเทคนิคที่มีประโยชน์อย่างมากในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และถูกนำไปประยุกต์ใช้ในแอปพลิเคชันและโปรแกรมหลากหลายประเภท ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, ลดเวลา และใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้อย่างคุ้มค่า ทำให้สามารถจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น